This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Thai languages
+66 2 448 9111

หลักสูตรอบรม In-House

หลักสูตรสร้างวัฒนธรรมปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยที่ยั่งยืน

 C-002

หลักสูตรสร้างวัฒนธรรมปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยที่ยั่งยืน (Safety Culture for Sustainable Safety)

หลักการและเหตุผล

     อุบัติเหตุต้องเป็น “ศูนย์” ด้วยการทำโปรแกรมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัย ต้องตระหนักถึงอันตราย จากการเรียนรู้จากอุบัติเหตุ ผ่านการอบรม การประชุม ฝ่ายบริหารจัดการใช้ความพยายามเต็มที่ รวมทั้งภาครัฐได้ออกกฎหมายบังคับใช้อย่างเข้มงวด อุบัติเหตุลดลงแต่ยังไม่เป็นศูนย์

      แทนที่มุ่งมั่นไปลดอุบัติเหตุ ซึ่งปัจจุบันมันลดลงมากแล้ว จึงต้องมุ่งไปสร้าง “พฤติกรรมปลอดภัยให้ยั่งยืน” จากสร้างจิตสำนึกให้เกรงกลัวอันตราย ให้เปลี่ยนเป็นสร้าง “จิตใต้สำนึก” ให้ปฏิบัติอย่างปลอดภัยจนกลายเป็นนิสัย ทำถูกต้องให้ง่าย ทำผิดให้ยาก

      พนักงานทุกคนต้องมี mindset/จิตกำหนด “เราจะไม่ยอมให้เพื่อนร่วมงานของเรา บาดเจ็บและเจ็บป่วยจากงาน” โดยปฏิบัติตัวเป็นผู้นำความปลอดภัย

      การวัฒนธรรมปลอดภัย คือ พฤติกรรมปลอดภัยที่เหมือนกันของคนในกลุ่มหรือโรงงาน การสร้างวัฒนธรรมหากทำได้ต่อเนื่อง ในระยะเวลา 2-3 ปี เมื่อเป็นวัฒนธรรม นั้นคือ ความยั่งยืน

วัตถุประสงค์

  • เข้าใจหลักการสร้างวัฒนธรรมปลอดภัย ด้วยการบังคับเชิงบวก

  • ทราบและอธิบายได้ถึงเป้าหมายของการสร้างวัฒนธรรม

  • สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบการได้

หัวข้อการฝึกอบรม

  • ส่วนที่ 1 ความเป็นมาของ BBS

  • ส่วนที่ 2 ความปลอดภัย กับ วัฒนธรรมปลอดภัย

  • ส่วนที่ 3 กฎความปลอดภัยที่ต้องบังคับให้กลายเป็นนิสัย

  • ส่วนที่ 4 ขั้นตอนการสังเกตพฤติกรรมปลอดภัย

  • ส่วนที่ 5 ตัวอย่างความสำเร็จของการสร้างวัฒนธรรมปลอดภัย

  • ส่วนที่ 6 Six BBS Models

  • ส่วนที่ 7 ถามตอบ

วิทยากร

  • วิทยากรผู้เชี่ยวชาญและ/หรือที่ปรึกษาอิสระประสบการณ์ในการสร้างพฤติความปลอดภัยเชิงบวก

กลุ่มเป้าหมาย

  • ผู้บริหารของสถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จในด้านความปลอดภัย

  • ผู้บริหารหน่วยงานความปลอดภัย ที่มีจำนวนอุบัติเหตุน้อย 

  • หรือผู้ที่สนใจการสร้างวัฒนธรรม

ราคาค่าธรรมเนียมในการให้บริการ

  •  ค่าใช้จ่าย 30,000 บาท (จำกัดไม่เกิน 30 คนต่อรุ่น)

วิธีและรูปบบการฝึกอบรม

  • บรรยาย กรณีศึกษา และฝึกปฏิบัติการ (ถ้ามี)

  • การทดสอบความรู้ความเข้าใจ ก่อน-หลังการฝึกอบรม

ระยะเวลาในการฝึกอบรม

  •  1 วัน (6 ฃั่วโมง)

การวัดผลและการประเมินผล

  • ผู้เข้าอบรมต้องเข้าร่วมอบรมเต็มเวลาตลอดหลักสูตร

  • ผู้เข้าอบรมต้องทำข้อสอบประเมินผล โดยผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ70 จึงจะมีสิทธิ์ได้รับใบรับรองการอบรม

กำหนดการฝึกอบรม

หลักสูตรสร้างวัฒนธรรมปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยที่ยั่งยืน (Safety Culture for Sustainable Safety)

เวลา

รายละเอียด

08.30-09.00 น.

ลงทะเบียน และทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนการอบรม

09.00-10.30 น.

ความปลอดภัย กับ วัฒนธรรมปลอดภัย

10.30-10.45 น.

พัก 15 นาที

10.45-12.00 น.

กฎความปลอดภัยที่ต้องบังคับให้กลายเป็นนิสัย
ขั้นตอนการสังเกตพฤติกรรมปลอดภัย

12.00-13.00 น.

พักรับประทานอาหารกลางวัน

13.00-14.30 น.

ตัวอย่างความสำเร็จของการสร้างวัฒนธรรมปลอดภัย

14.30-14.45 น.

พัก 15 นาที

14.45-16.00 น.

Six BBS Models

16.00-16.30 น.

ตอบข้อซักถาม และทดสอบความรู้ความเข้าใจหลังการอบรม
ประเมินผลการฝึกอบรม

หลักสูตรการใช้โค้ชเพื่อความปลอดภัย (Safety Coaching)

 C-003

หลักสูตรการใช้โค้ชเพื่อความปลอดภัย (Safety Coaching)

หลักการและเหตุผล

   ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความปลอดภัย คือ ส่วนผสมหลักของธุรกิจ และ ธุรกิจที่ดี ต้องมีความปลอดภัย หลายองค์กรจึงมุ่งเน้นให้พนักงานมีพฤติกรรมความปลอดภัยที่ดีในการทำงาน จึงสร้างกฎระเบียบต่างๆขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยฯ ร่วมไปถึงการจัดทำกิจกรรมต่างๆเพื่อส่งเสริม แต่อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุก็ยังคงเกิดขึ้น และสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการกระทำที่ไม่ปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่ คำถามที่น่าสนใจคือ มีอะไรที่เราจะต้องทำเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดพฤติกรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน? ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ จากการที่เรา “ตระหนักรู้” ถูกกระตุ้นบ่อยๆ และ ชักชวนให้ทำ ร็สึกอยากทำ มากกว่า การถูกบังคับให้ทำ

     การโค้ช เป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยให้มนุษย์ สามารถเข้าถึงความตระหนักรู้ได้เป็นอย่างดี ด้วยกระบวนการ ฟัง การตั้งคำถาม และ สะท้อน เพื่อดึงศักยภาพที่แท้จริงที่ทุกคนมี ได้นำออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุง เพื่อสร้างนิสัยที่ดี และ มีความปลอดภัย

วัตถุประสงค์

  • เพื่อให้ทราบกระบวนการ และ วิธีการโค้ชเพื่อความปลอดภัย

  • เพื่อป้องกันอุบัติเหตุด้วยการโค้ชเพื่อความปลอดภัย เปิดใจในการทำงานร่วมกัน

หัวข้อการฝึกอบรม

  • การโค้ช คือ อะไร
  • ความหมายของการโค้ช
  • การโค้ชกับความปลอดภัย
  • หลักการสำคัญของการโค้ชเพื่อความปลอดภัย
  • GROW Model
  • สาธิตการโค้ชเพื่อความปลอดภัย
  • ฝึกปฏิบัติ และ ถามตอบ

วิทยากร

  • วิทยากรผู้เชี่ยวชาญและ/หรือที่ปรึกษาอิสระประสบการณ์ในการโค้ชเพื่อความปลอดภัยฯ

กลุ่มเป้าหมาย

  • เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หรือผู้ที่สนใจ

ราคาค่าธรรมเนียมในการให้บริการ

  •  ค่าใช้จ่าย 30,000 บาท (จำกัดไม่เกิน 30 คนต่อรุ่น)

วิธีและรูปบบการฝึกอบรม

  • บรรยาย กรณีศึกษา และฝึกปฏิบัติการ

  • การทดสอบความรู้ความเข้าใจ ก่อน-หลังการฝึกอบรม

ระยะเวลาในการฝึกอบรม

  •  1 วัน (6 ฃั่วโมง)

การวัดผลและการประเมินผล

  • ผู้เข้าอบรมต้องเข้าร่วมอบรมเต็มเวลาตลอดหลักสูตร

  • ผู้เข้าอบรมต้องทำข้อสอบประเมินผล โดยผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ70 จึงจะมีสิทธิ์ได้รับใบรับรองการอบรม

กำหนดการฝึกอบรม

หลักสูตรการใช้โค้ชเพื่อความปลอดภัย

เวลา

รายละเอียด

08.30-09.00 น.

ลงทะเบียน และทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนการอบรม

09.00-10.30 น.

การโค้ช คือ อะไร
ความหมายของการโค้ช

10.30-10.45 น.

พัก 15 นาที

10.45-12.00 น.

การโค้ชกับความปลอดภัยหลักการสำคัญของการโค้ชเพื่อความปลอดภัย

12.00-13.00 น.

พักรับประทานอาหารกลางวัน

13.00-14.30 น.

GROW Model

14.30-14.45 น.

พัก 15 นาที

14.45-16.00 น.

สาธิตการโค้ชเพื่อความปลอดภัยฝึกปฏิบัติ

16.00-16.30 น.

ตอบข้อซักถาม และทดสอบความรู้ความเข้าใจหลังการอบรม
ประเมินผลการฝึกอบรม

หลักสูตรการป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรม สำหรับผู้ปฎิบัติงานคอมพิวเตอร์

 C-004

หลักสูตรการป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรม สำหรับผู้ปฎิบัติงานคอมพิวเตอร์ (Office Syndrome Administration of Working with Computer)

 หลักการและเหตุผล

        ในปัจจุบันนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) และเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (Notebook computer)  เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การปฏิบัติงานหลายประเภทในสำนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลสำเร็จโดยใช้เวลาที่สั้นลง พนักงานส่วนใหญ่ในสำนักงานใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการปฏิบัติงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  โดยที่ระยะเวลาในการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละวันมักจะนานกว่า 4 ชั่วโมง และถ้าเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ ก็ต้องปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน   สถานีงานคอมพิวเตอร์ (โต๊ะและเก้าอี้) ที่พบในสำนักงานต่าง ๆ มักจะเป็นโต๊ะระดับเดียว (เช่น โต๊ะทำงาน) หรือโต๊ะคอมพิวเตอร์ (ที่มีลิ้นชักวางแป้นพิมพ์ซึ่งเลื่อนเข้า-ออกได้) ส่วนเก้าอี้จะเป็นเก้าอี้สำนักงานประเภทมีล้อเลื่อนและปรับระดับเบาะนั่งให้สูง-ต่ำได้ ซึ่งสถานีงานคอมพิวเตอร์เหล่านี้มีขีดจำกัดในด้านการปรับระดับสูง-ต่ำและระยะใกล้-ห่างให้เหมาะสมกับร่างกายของพนักงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ปฏิบัติงานสำนักงานประกอบด้วยแป้นพิมพ์ เมาส์ และจอภาพ โดยที่จำนวนของจอภาพที่พนักงานบางคนใช้ อาจจะเป็น 2 จอภาพ ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่ปฏิบัติ

        ออฟฟิศซินโดรม คือ กลุ่มอาการของปัญหาสุขภาพและโรคต่าง ๆ ที่มักจะพบในพนักงานสำนักงาน ซึ่งเกิดจากการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (เช่น ปฏิบัติงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง นั่งในท่าเดิมโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะเวลานานเกินไป ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก) ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม (เช่น สถานที่ทำงานมีเสียงดังรบกวนการทำงาน ระดับแสงสว่างที่บริเวณทำงานไม่พอเพียง มีแสงสะท้อนบนจอภาพจากไฟเพดานหรือจากแสงสว่างภายนอก อุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินไป) และการใช้อุปกรณ์ปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสม (เช่น เก้าอี้นั่งมีเบาะที่มีความลึกมากเกินไป ที่พักแขนปรับระดับไม่ได้ โต๊ะวางเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีลิ้นชักวางแป้นพิมพ์)

ตัวอย่างกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม คือ

  1. กลุ่มปัญหาที่พบในระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal System) ของร่างกาย ได้แก่ อาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น คอ ไหล่ ข้อมือ หลัง (ส่วนล่าง) ขา เท้า

  2. กลุ่มปัญหาที่พบในระบบการมองเห็น เช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตา อาการตาแห้ง อาการตาพร่ามัว และอาการวุ้นในลูกตาเสื่อม

  3. กลุ่มปัญหาด้านจิตใจ เช่น อาการเครียด กังวล นอนไม่หลับ

  4. กลุ่มปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ความดันโลหิตสูง น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดศีรษะเรื้อรัง กรดไหลย้อน

         ในกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมที่กล่าวมาในข้างต้น กลุ่มปัญหาที่พบในระบบกล้ามเนื้อและกระดูกของร่างกายเป็นกลุ่มปัญหาที่เด่นชัดและปรากฎในพนักงานสำนักงานจำนวนมากทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเป็นผลกระทบด้านสุขภาพโดยตรงต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเนื่องจากการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์

       นักวิจัยทางด้านการยศาสตร์และด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้รายงานว่า พนักงานที่ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน และมีปัญหาอาการบาดเจ็บสะสมที่ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal Disorders, MSDs) มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยนักวิจัยได้สรุปว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งของปัญหานี้ คือ การปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไม่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงาน โดยจะมีอาการปวดเมื่อย (รวมทั้งบาดเจ็บ) ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง (ส่วนล่าง) และจะมีผลกระทบต่อสมรรถภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานด้วย

          การยศาสตร์ (Ergonomics) คือ สหวิทยาการที่ศึกษาเกี่ยวกับระบบงานซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ คือ มนุษย์ อุปกรณ์และเครื่องมือ สภาพแวดล้อม และงานที่ต้องปฏิบัติ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยออกแบบ ดัดแปลง และปรับปรุงระบบงานให้เกิดความเหมาะสมสำหรับมนุษย์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและได้รับผลกระทบจากองค์ประกอบอื่น ๆ น้อยที่สุด  ในระบบงานการยศาสตร์ องค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบงานมีปฏิสัมพันธ์กันตลอดเวลา นักการยศาสตร์ต้องพิจารณามนุษย์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด (หรือเป็นศูนย์กลาง) ของระบบงาน และต้องออกแบบ ดัดแปลง และปรับปรุงองค์ประกอบอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับและส่งเสริมองค์ประกอบมนุษย์

          ในระบบงานซึ่งมีพนักงานนั่งปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน ก็สามารถพิจารณาเป็นระบบงานการยศาสตร์ได้ ดังนั้น การนำหลักการยศาสตร์ไปประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ จะต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบงานในสำนักงาน คือ สถานีงาน (โต๊ะและเก้าอี้) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (แป้นพิมพ์ เมาส์ และจอภาพ) สภาพแวดล้อม งาน และพฤติกรรมของพนักงาน นักการยศาสตร์ต้องประเมินระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงานตามหลักการยศาสตร์ และประเมินท่าทางในการปฏิบัติงานของพนักงานด้วย ผลจากการประเมินระบบงานและท่าทางของพนักงาน จะช่วยให้นักการยศาสตร์ทราบสาเหตุของปัญหาอาการปวดเมื่อยที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และสามารถเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม การที่มีนักการยศาสตร์ไปช่วยประเมินระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาอาการบาดเจ็บสะสมที่ระบบกล้ามเนื้อและกระดูกได้ ซึ่งจะช่วยเอื้ออำนวยให้คุณภาพของชีวิตการทำงานดีขึ้น พนักงานสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสะดวกสบายขึ้น และองค์กรได้ผลงานที่สำเร็จสมบูรณ์มากขึ้น

วัตถุประสงค์

        หลักสูตรฝึกอบรมเรื่อง การป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรมในพนักงานสำนักงาน เป็นหลักสูตรสำหรับพนักงานสำนักงานที่ต้องปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

          (1)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานมีความรู้เกี่ยวกับระบบงานการยศาสตร์และองค์ประกอบ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน)

          (2)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานทราบผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูกของร่างกาย

          (3)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานทราบผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อสุขภาพตา

          (4)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานทราบท่าทางในการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก

          (5)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานทราบท่าบริหารร่างกายเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยร่างกายและเสริมสร้างสมรรถภาพกล้ามเนื้อของส่วนร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์

          (6)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานทราบแนวทางการปรับปรุงระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงานให้เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์

          (7)  เพื่อให้พนักงานสำนักงานเห็นตัวอย่างของการปรับปรุงสถานีงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงานให้เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์ จากกรณีศึกษาของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

หัวข้อการฝึกอบรม

  • ระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน

  • ผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก

  • ผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อสุขภาพตา

  • ท่าทางในการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน

  • ท่าบริหารร่างกายสำหรับพนักงานสำนักงานที่ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์

  • แนวทางการปรับปรุงระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน

  • การปรับปรุงสถานีงานคอมพิวเตอร์ตามหลักการยศาสตร์

วิทยากร

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการยศาสตร์ (การปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์)

  • เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานหรือเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมขององค์ที่ได้รับการฝึกอบรมเรื่องการป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรมในพนักงานสำนักงาน

กลุ่มเป้าหมาย

  • พนักงานสำนักงาน (ผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ)

  • เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน

ราคาค่าธรรมเนียมในการให้บริการ

  •  ค่าใช้จ่าย 50,000 บาท (จำกัดไม่เกิน 30 คนต่อรุ่น)

วิธีและรูปบบการฝึกอบรม

  • บรรยาย กรณีศึกษา และฝึกปฏิบัติการ

  • การทดสอบความรู้ความเข้าใจ ก่อน-หลังการฝึกอบรม

ระยะเวลาในการฝึกอบรม

  •  2 วัน (12 ฃั่วโมง)

การวัดผลและการประเมินผล

  • ผู้เข้าอบรมต้องเข้าร่วมอบรมเต็มเวลาตลอดหลักสูตร

  • ผู้เข้าอบรมต้องทำข้อสอบประเมินผล โดยผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ70 จึงจะมีสิทธิ์ได้รับใบรับรองการอบรม

กำหนดการฝึกอบรม

หลักสูตรการป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรม สำหรับผู้ปฎิบัติงานคอมพิวเตอร์

วันที่หนึ่ง


เวลา

รายละเอียด

09.00 - 12.00 น.

(1) ระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน
- ระบบการยศาสตร์และองค์ประกอบ
- ปัจจัยการยศาสตร์ของระบบงานคอมพิวเตอร์
- ปัญหาออฟฟิศซินโดรม

(2) ผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
- อาการปวดเมื่อยคอและไหล่
- อาการปวดเมื่อยข้อมือ
- อาการปวดเมื่อยหลังส่วนล่าง
- อาการปวดเมื่อยขาและหัวเข่า

13.00 - 16.00 น.

(3) ผลกระทบของปัญหาออฟฟิศซินโดรมต่อสุขภาพตา
- อาการปวดตาและเมื่อยตา
- อาการเคืองตาและแสบตา
- อาการตาพร่าและตามัว
- อาการวุ้นในตาเสื่อม

(4) ท่าทางในการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน
- ท่านั่งปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
- ท่านั่งปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา

 

วันที่สอง


เวลา

รายละเอียด

09.00 - 12.00 น.

(5) ท่าบริหารร่างกายสำหรับพนักงานสำนักงานที่ปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์
- ท่าบริหารคอและไหล่
- ท่าบริหารข้อมือ
- ท่าบริหารหลังส่วนล่าง
- ท่าบริหารขาและหัวเข่า

(6) แนวทางการปรับปรุงระบบงานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน       
- สถานีงานคอมพิวเตอร์
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- สภาพแวดล้อม
- พฤติกรรมในการปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์

13.00 - 16.00 น.

(7) การปรับปรุงสถานีงานคอมพิวเตอร์ตามหลักการยศาสตร์ : กรณีศึกษา
- ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
- การคัดเลือกกลุ่มผู้ปฏิบัติงานอาสาสมัคร
- การประเมินสถานีงานคอมพิวเตอร์และท่าทางในการปฏิบัติงานของ
กลุ่มผู้ปฏิบัติงานอาสาสมัคร
- การปรับปรุงสถานีงานคอมพิวเตอร์
- การประเมินผลการปรับปรุงสถานีงานคอมพิวเตอร์