การทำงานบนที่สูงหรือทำงานพื้นที่ต่างระดับและการทำงานบนนั่งร้านที่ต้องเสี่ยงกับการตกจากที่สูง เช่น งานก่อสร้าง งานบำรุงรักษา งานสายส่งไฟฟ้า งานทำความสะอาด การช่วยเหลือกู้ภัย หรือแม้กระทั่งการทำงานในหลุม บ่อ เป็นต้น งานที่ต้องเสี่ยงกับการตกจากที่สูงหรือพื้นที่ต่างระดับนี้ จำเป็นที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องได้รับการฝึกฝน/ให้มีความรู้/ความเข้าใจและปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในขณะที่ปฏิบัติงานบนที่สูงและปฏิบัติให้ได้ตามมาตรฐาน
สิ่งที่ควรทำก่อนการทำงานทุกครั้ง
• ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเกิดและการป้องกันอุบัติเหตุจากที่สูง
• เข้าใจบทบาทหน้าที่ของผู้ทำงานบนที่สูงและบนนั่งร้าน
• เข้าใจขั้นตอน และวิธีการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
• รู้จักการใช้ระบบป้องกันการตกจากที่สูง และใช้อุปกรณ์ขึ้นทำงานบนที่สูง
• เข้าใจข้อกำหนดในการทำงาน เกี่ยวกับ "ใบอนุญาตทำงานบนที่สูงและนั่งร้าน"
• มีความรู้ความเข้าใจ ในการประเมิน และวิเคราะห์ความเสี่ยง JSA
• สามารถตรวจสอบเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
• เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานควรรู้จักวิธีการช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้น
สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุตกจากที่สูงและนั่งร้าน
1. สาเหตุนำของการเกิดอุบัติเหตุ
1.1 ความผิดพลาดของการจัดการ
• ไม่มีการสอนวิธีการทำงานหรืออบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยบนที่สูงและนั่งร้าน
• ไม่มีการบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน
• ไม่มีการวางแผนและประเมินงานด้านความปลอดภัยเอาไว้
• ไม่มีการแก้ไขจุดอันตรายต่าง ๆ
• ไม่มีการจัดหาอุปกรณ์ความปลอดภัยส่วนบุคคลให้
1.2 สภาวะทางด้านร่างกายและจิตใจของคนงานไม่เหมาะสม
ขาดความระมัดระวัง มีทัศนคติไม่ถูกต้อง ขาดความตั้งอกตั้งใจ อารมณ์อ่อนไหวง่าย และขี้โมโห เกิดความรู้สึกหวาดกลัว ขวัญอ่อน ตกใจง่าย อ่อนเพลีย หูหนวก สายตาไม่ดี มีร่างกายไม่เหมาะสมกับการทำงานที่สูงและบนนั่งร้าน เป็นโรคความดัน เบาหวาน หัวใจ ร่างกายมีความพิการ
2. สาเหตุโดยตรงของการเกิดอุบัติเหตุ
2.1 พื้นที่ทำงานหรือนั่งร้านไม่สมบูรณ์แข็งแรงพอให้ปฏิบัติงานบนที่สูง
2.2 พื้นที่ไม่มั่นคงเหมาะสม ยึดต่อกันไม่แน่นพอ
2.3 สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ให้ทำงานบนที่สูงและบนนั่งร้าน
2.4 ไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันการตกหรือไม่เกาะเกี่ยวจุดยึด
2.5 จุดยึดไม่แข็งแรงพอ(ควรตามมาตรฐาน OSHA 1926 , 5000lbs)
การป้องกันการตกจากที่สูง แบ่งการป้องกันเป็น 2 แบบ
1. การยับยั้งการตก (ไม่ออกไปนอกเขตพื้นที่ทำงาน)
หมายถึง การจำกัด ตำแหน่งของผู้ปฏิบัติงานบนที่สูง หรือจำกัดการเคลื่อนที่ เพื่อไม่ให้เข้าไปอยู่หรือยืนตรงจุดเสี่ยงจะเกิดการตก เช่นขอบหลังคา ขอบดาดฟ้า เสา บันได นั่งร้านฯลฯ อีกลักษณะหนึ่งเป็นการสร้างเครื่องกั้น เช่นราวป้องกันการตก เพื่อกั้นหรือป้องกันไม่ให้คนงานเข้าไปอยู่ในจุดที่จะเกิดการตก
2. การยึดตัวไม่ให้ตกกระแทก (ยึดไม่ให้ตกกระแทกพื้นหรือโครงสร้างต่าง ๆ)
หมายถึง การยึดหรือจับตัวคนทำงานไว้ ไม่ให้ตกกระแทกพื้นด้านล่าง เมื่อคนงานเข้าไปอยู่ ณ. จุดเสี่ยงต่อการตก เช่น ขอบหลังคา ขอบดาดฟ้า บันได นั่งร้าน โครงสร้าง เสาสัญญาณ ฯลฯ แล้วพลัดตกลงไป อุปกรณ์ป้องกันที่สวมใส่ไว้กับตัว โดยการใช้เข็มขัดนิรภัยชนิดเต็มตัวและสายนิรภัยช่วยชีวิตชนิดตะขอคู่ หรือ Rocker Lanyardจะช่วยยึดตัวเขาไว้ก่อนจะกระแทกกับพื้นด้านล่างหรือโครงสร้าง ตัวคนงานจะห้อยอยู่กลางอากาศอย่างปลอดภัย ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือในลำดับต่อไป หรือการติดตั้งตาข่ายนิรภัยรองรับป้องกัน ก่อนที่ตัวคนทำงานจะตกถึงพื้นด้านล่าง
“ให้รู้จักอันตราย” อันตราย 5 ตัว ที่อาจจะเกิดในงานบนที่สูง
• อันตราย ตัวที่ 1 ตกจากที่สูง
• อันตราย ตัวที่ 2 ตกจากบันได
• อันตราย ตัวที่ 3 สะดุด/ลื่นล้ม
• อันตราย ตัวที่ 4 วัสดุตกกระทบ
• อันตราย ตัวที่ 5 อันตรายอื่น ๆ เช่น ไม่มีความรู้/สุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน/ไม่สวมอุปกรณ์ส่วนบุคคล/ถูกไฟฟ้าช็อต
อันตรายทั้งหมดเป็นสาเหตุทำให้เกิดการตาย
การช่วยเหลือในกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการตกจากที่สูง
และแขวนลอยอยู่บนที่สูง นั่งร้านหรือโครงสร้างเมื่อประสบเหตุถูกแขวนลอยบนที่สูง
• ตั้งสติ......!!!!!!!!!
• อย่าปลดอุปกรณ์ที่แขวนตัว
• ตะโกนขอความช่วยเหลือ
• ขยับขา (ปั่นจักรยาน)
• หาโครงสร้างใกล้เคียงดึงตัวเองเข้า
• ผู้ช่วยเหลือจะต้องรู้จักท่ายกและเคลื่อนย้าย
ผู้เข้าทำการช่วยเหลือ ทีมกู้ภัยจำเป็นต้องมีความรู้และอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงาน ถ้าเป็นไปได้ควรทำการช่วยเหลือจากระยะไกล การช่วยเหลือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทำงานบนที่สูงและจะต้องมีอุปกรณ์กู้ภัยและบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรม การเข้าถึง เคลื่อนย้ายคนเจ็บขึ้นอยู่กับพื้นที่และเหตุการณ์ที่ต่างกันออกไป หรือ กรณีผู้ประสบภัยยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทีมกู้ภัยจะส่งชุดรอกกู้ภัยลงไปให้ผู้ประสบภัยเกาะเกี่ยวกับตัวแล้วทำการช่วยเหลือ เพื่อนำผู้ประสบภัยลงมาและดำเนินการต่อไป
บทสรุป
การทำงานบนที่สูงและการทำงานบนนั่งร้าน โครงสร้าง เสาสัญญาณ หรือพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงจากการพลัดตก ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องได้รับการฝึกฝนหรืออบรมการทำงาน การใช้อุปกรณ์ในการทำงาน เป็นกรณีพิเศษมากกว่าการทำงานในลักษณะอื่น ๆ และเคร่งครัดกับการปฏิบัติงานที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
ส่วนอุปกรณ์กู้ภัยสมัยใหม่จะต้องมีลักษณะ พิเศษคือ สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางและปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานตามสถานการณ์ ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ได้ ทั้งนี้ ต้องมีคุณสมบัติ ในสองด้าน ได้แก่ ป้องกันการตกจากที่สูง และ ขนส่งหรือเคลื่อนย้ายในแนวดิ่งลักษณะเหมือน กับอุปกรณ์เคลื่อนย้ายคนงานในพื้นที่อับอากาศ แตกต่างกันที่อุปกรณ์กู้ภัยต้องมีความแข็งแรง ทนทาน รวมทั้งสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า
ประการสำคัญ อุปกรณ์จะต้องใช้งานง่ายและมี ระบบป้องกันอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ครบครัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มี ประสิทธิภาพสูง แต่ผู้ใช้งานโดยเฉพาะตัวนักกู้ภัยเอง จำเป็นจะต้องฝึกฝนการใช้งานผสานกับการเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ ในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความชำนาญ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกู้ภัยครั้งต่อไป นั่นคือ การทำงานปลอดภัย สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยได้โดยไม่เกิดอันตรายใด ๆ จน เป็นภัยซ้ำซ้อนขึ้นมาอย่างน่าเศร้าใจ
เอกสารอ้างอิง
• BS 8454 Code of practice for the delivery of training and education for work at height and rescue
• ASTM INTERNATIONAL: F2752, F2954, F2955 – Standard Guide for Training for Level I Rope Rescue (RI) /Level II Rope Rescue (RII) / Level III Rope Rescue (RIII) Rescuer Endorsement
• ISO/IEC 17024 Conformity assessment – General requirements for bodies operating certification of persons
• ISO/IEC 17020 Conformity assessment – Requirements for the operation of various types of bodies performing inspection
• *NFPA 1670 Standard on Operations and Training for Technical Search and Rescue Incidents – addresses the team requirements / organization technical rescue standard -- Team rescue capabilities.
• *NFPA 1006 Standard for Technical Rescue Personnel Professional Qualifications -- specifies the minimum job/work performance requirements for a rescue technician – Individual standard.
บทความโดย : นายอธิวัฒน์ ใส่ละม้าย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีอาร์ที เซ็นเตอร์ (หาดใหญ่)