งานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกาย เป็นงานที่พบในสถานประกอบกิจการเป็นจำนวนมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์กระจายสินค้า สถานให้บริการต่าง ๆ แก่ลูกค้า เป็นต้น โดยเป็นงานซึ่งปฏิบัติเป็นประจำในโกดังสินค้า ส่วนการผลิต สำนักงาน และส่วนอื่น ๆ ของสถานประกอบกิจการ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกาย จึงมีความเสี่ยงสูงต่ออาการผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก เช่น อาการปวดเมื่อยหลังส่วนล่าง อาการปวดเมื่อยไหล่และแขน อาการปวดเมื่อยขาและหัวเข่า เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพในการปฏิบัติงาน ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถยกและเคลื่อนย้ายวัสดุหรือปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่ใช้แรงกล้ามเนื้อของส่วนร่างกายที่บาดเจ็บ และมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ปฏิบัติงาน
จากสถิติการประสบอันตรายของกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ในปี พ.ศ. 2562 - 2566 รายงานว่าโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานที่เกิดกับลูกจ้างสูงสุดคือ โรคระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน โดยเฉลี่ย 5 ปี มีลูกจ้างประสบอันตรายจำนวน 3,765 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.90 ต่อปีของจำนวนการประสบอันตรายทั้งหมด เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงของการประสบอันตรายพบว่าส่วนใหญ่เป็นกรณีหยุดงานไม่เกิน 3 วัน ร้อยละ 68.31 ต่อปี
สาเหตุหลักของอาการผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกเนื่องจากการยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายมีดังต่อไปนี้
- วัสดุที่ต้องยกและเคลื่อนย้ายด้วยแรงกายมีน้ำหนักมากเกินไป หรือมีขนาดใหญ่เกินไป
- การออกแบบสถานีงานและจัดบริเวณที่ปฏิบัติงานไม่เหมาะสมตามหลักการยศาสตร์
- สภาพแวดล้อมในบริเวณที่ปฏิบัติงานไม่เหมาะสม เช่น ระดับแสงสว่างไม่พอเพียง ระดับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์สูงเกินไป พื้นผิวลื่น พื้นผิวขรุขระ เป็นต้น
- ผู้ปฏิบัติงานมีพฤติกรรมในการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสมตาม เช่น ยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ไม่หยุดพักเมื่อมีอาการเมื่อยล้า ยกวัสดุปริมาณมากเกินไปในแต่ละครั้งเพื่อลดจำนวนครั้งของการยก เคลื่อนย้ายวัสดุเป็นจำนวนมากในแต่ละเที่ยว หรือต้องปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานานตลอดกะทำงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ สสปท. ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐานงานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายตามหลักการยศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อป้องกันอาการผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก โดยมีข้อปฏิบัติในการยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกาย ดังนี้
วัสดุที่ยก
(1) ค่าน้ำหนักวัสดุที่ควรยกจริง คำนวณได้ตามสมการฯ ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากเล่มมาตรฐานงานยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกายของ สสปท.
(2) ควรมีรูปร่างสะดวกในการยกและเคลื่อนย้าย
(3) ควรมีขนาดความกว้างและความสูงเหมาะสม
(4) ควรให้จุดศูนย์ถ่วงของวัสดุไม่เคลื่อนย้ายหรือถ่ายเท อยู่จุดกลางของวัสดุ
(5) ควรมีที่จับ อาจมีช่องเจาะเพื่อสอดนิ้วเข้าไปได้
สถานีงาน
(1) ควรมีพื้นที่ปฏิบัติงานเพียงพอ โดยสามารถยืนใกล้วัสดุ สามารถยืนหันหน้าและลำตัวเข้าหาวัสดุ โดยไม่ต้องบิดเอี้ยวลำตัว สามารถใช้อุปกรณ์ช่วยยกได้อย่างสะดวก
(2) ไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อลดการโน้มลำตัว หรือการเอี้อมแขน
(3) ระดับของวัสดุที่ตำแหน่งต้นทางและปลายทาง ควรอยู่ใกล้กัน เพื่อลดระยะยก
(4) ระดับวัสดุที่ยก ควรอยู่ระหว่างระดับกำปั้นและข้อศอก เพื่อลดการก้มตัวหรือย่อขา
สภาพแวดล้อมของบริเวณที่ปฏิบัติงาน
(1) ควรมีระดับแสงสว่างพอเพียง
(2) ควรมีระดับอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสม
(3) ควรมีพื้นแห้งและผิวหยาบ เป็นทางเรียบ ไม่ขรุขระ เป็นพื้นระดับเดียว และไม่ลาดเอียงขึ้นหรือลง
(4) ควรจัดเก็บสิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ไม่วางเกะกะกีดขวาง
ผู้ปฏิบัติงาน
(1) ควรยืนหันหน้าและลำตัวเข้าหาวัสดุ ไม่บิดเอี้ยวลำตัว
(2) ควรยกและวางวัสดุ โดยไม่ออกแรงกระชาก เหวี่ยง หรือโยน
(3) ควรยกโดยใช้แรงกล้ามเนื้อขาเป็นหลัก: ย่อขาทั้ง 2 ข้าง หลังตรง หรือก้มเล็กน้อย ถ้าวัสดุมีขนาดใหญ่ อาจยกในท่านั่งคุกเข่าข้างเดียว
(4) ควรให้วัสดุอยู่ตรงหน้า และใกล้ชิดลำตัวมากที่สุด
(5) ถ้าไม่สามารถยกฯ เพียงคนเดียวได้ ควรเรียกเพื่อนมาช่วย หรือใช้อุปกรณ์ช่วยยกฯ
(6) ควรบริหารร่างกายในช่วงหยุดพัก เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ
สสปท. มุ่งมั่นผลักดันมาตรฐานนี้ให้เกิดการนำไปใช้ในสถานประกอบการทั่วประเทศ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเจ็บป่วยจากอาการผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก ตลอดจนปกป้องสุขภาพของแรงงานไทย และขับเคลื่อนให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก E-Book ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทาง www.tosh.or.th รวมถึงติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ สสปท.